รู้จักโรคข้อเข่าเสื่อมพร้อมวิธีรักษาข้อเข่าเสื่อม

โรคข้อเข่าเสื่อมคืออะไร

หลายคนคิดว่าโรคข้อเข่าเสื่อมมักจะเกิดเพียงแค่กับผู้สูงอายุเท่านั้น แต่ที่จริงแล้วโรคข้อเข่าเสื่อมสามารถเกิดขึ้นได้กับหนุ่มสาวที่ใช้งานข้อเข่าอย่างหนักเป็นประจำ อาการของโรคข้อเข่าเสื่อม คือภาวะที่กระดูกอ่อนในข้อเข่าเสื่อมสภาพทำให้เสียดสีเมื่อขยับ เช่น การเดิน การวิ่ง ซึ่งอาการป่วยจะมี 2 ลักษณะด้วยกัน

  • ปวดบริเวณรอบเข่า และหน้าขา มักมีสาเหตุมาจากหลังและปวดลงมา สามารถรักษาให้หายได้ โดยการรักษาหลังก่อนแล้วปัญหาเรื่องปวดข้อเข่าก็สามารถหายไปได้เอง
  • ปวดที่บริเวณข้อเข่า มักจะเป็นที่ด้านในข้อเข่าก่อน ต่อไปจะมีอาการบวมตามมา เริ่มจากข้อเข่าที่หลวมก่อน เมื่อเดินจะมีเสียงดังเพราะกระดูกและลูกสะบ้าสีกัน ต่อไปจะเดินกะเผลก จนทำให้ใช้งานขาอีกข้างหนักกว่าจนสุดท้ายก็เป็นทั้งสองข้าง

ข้อเข่าเสื่อมมักพบในใครบ้าง

  • ผู้สูงอายุ
  • หนุ่มสาวที่ยืนนาน ๆ หรือใส่รองเท้าส้นสูงบ่อย ๆ
  • ผู้ที่ต้องยกสิ่งของที่มีน้ำหนักมาก
  • ผู้ที่ใช้งานข้อเข่าอยู่เป็นประจำ เช่น การเดิน การวิ่ง การขึ้น-ลงบันได
  • ผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก
  • ผู้ที่เคยได้รับอุบัติเหตุ บริเวณข้อเข่าและบริเวณหลัง
  • โรคข้อต่าง ๆ รูมาตอยด์ ข้ออักเสบ โรคเก๊าต์

วิธีรักษาข้อเข่าเสื่อมที่คุณควรรู้

  1. ปรับเปลี่ยนวิถีการใช้ชีวิตในประจำวัน

  • หลีกเลี่ยงการนั่งพับเพียบ หรือ นั่งยอง ๆ
  • ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
  • ใช้อุปกรณ์ช่วยพยุงข้อเข่า
  1. ออกกำลังกายที่ช่วยในการฟื้นฟูเข่า

  • ว่ายน้ำ
  • ปั่นจักรยาน
  • ใช้การบำบัดเฉพาะทาง เสริมกล้ามเนื้อของข้อเข่า
  1. การใช้ยาและอาหารเสริม

  • ใช้ยาแก้ปวดและยาแก้อักเสบ
  • คอลลาเจน
  • สารหล่อลื่นข้อ
  1. การใช้สารฉีดบำรุงข้อ

  • กรดไฮยาลูรอนิก ช่วยลดแรงเสียดในข้อ
  • การรักษาข้อเข่าเสื่อม ด้วยพลาสม่าเกล็ดเลือดเข้มข้น
  1. การรักษาด้วยการผ่าตัด

จะใช้ในกรณีที่วิธีรักษาข้อเข่าเสื่อมแบบอื่น ๆ ไม่ได้ผลแล้ว และต้องมีอาการที่ร้ายแรงเท่านั้น

วิธีสังเกตโรคข้อเข่าเสื่อม

  • ปวดเข่าบ่อย เป็น ๆ หาย ๆ โดยเฉพาะเวลายืน เดิน และขึ้นบันได
  • ข้อเข่าฝืด และมักปวดตึง ๆ ในตอนเช่า
  • มีเสียงดังที่เข่า เวลายืน เดิน
  • รู้สึกเข่าบวม เจ็บรอบ ๆ ข้อเข่า
  • เคลื่อนไหวลำบาก หรือรู้สึกเหมือนเข่าจะหลุด
  • ข้อเข่าผิดรูป

สรุป

โรคข้อเข่าเสื่อมเกิดขึ้นได้หลายสาเหตุส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นกับผู้สูงอายุ แต่วัยหนุ่มสาวก็สามารถเกิดขึ้นได้เช่นเดียวกัน ดังนั้นการดูแลรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมก่อนที่จะลุกลามหนัก ดังนั้นควรดูแลรักษาตัวเองให้ป้องกันไม่ให้เกิดอาการเหล่านี้จะเป็นการดีที่สุด

วิธีลดเหนียงสามารถทำได้จริงหรือไม่ ?

เหนียงมาจากกรรมพันธุ์จริงไหม? ไขข้อสงสัยพร้อมวิธีแก้ไข

เหนียง หรือไขมันใต้คาง เป็นสิ่งที่หลายคนกังวล โดยเฉพาะเวลาถ่ายรูปแล้วรู้สึกว่าหน้าดูใหญ่ คางดูหาย หรือเห็นเป็นชั้นๆ แบบที่ไม่อยากให้มี หลายคนสงสัยว่า “เหนียงเกิดจากกรรมพันธุ์หรือเปล่า?” ถ้าพ่อแม่มีเหนียง เราก็ต้องมีด้วยใช่ไหม? แล้วเราสามารถลดเหนียงได้จริงหรือไม่? มาหาคำตอบกัน!.

เหนียงเกิดจากกรรมพันธุ์จริงหรือ?

คำตอบคือ “มีส่วน!” กรรมพันธุ์สามารถเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้บางคนมีเหนียงง่ายกว่าคนอื่น แต่ไม่ได้หมายความว่าถ้ามีพ่อแม่มีเหนียง เราจะต้องมีเหนียงเสมอไป

ปัจจัยทางพันธุกรรมที่เกี่ยวข้องกับเหนียง ได้แก่:

โครงสร้างใบหน้า – บางคนมีโครงกระดูกกรามเล็กหรือคางสั้น ทำให้ดูเหมือนมีเหนียงง่ายกว่าคนที่มีกรามชัด

การสะสมไขมัน – ถ้าร่างกายมีแนวโน้มสะสมไขมันที่ใบหน้ามากกว่าจุดอื่น ก็มักจะทำให้เกิดเหนียงได้ง่าย

ความยืดหยุ่นของผิว – ผิวบางคนมีความยืดหยุ่นต่ำ ทำให้เกิดการหย่อนคล้อยได้เร็ว

แต่เหนียงไม่ได้เกิดจากกรรมพันธุ์เพียงอย่างเดียว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อการเกิดเหนียงด้วย

 

สาเหตุอื่นๆ ที่ทำให้มีเหนียง

นอกจากกรรมพันธุ์แล้ว เหนียงยังเกิดจากปัจจัยเหล่านี้ด้วย

  1. น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น – เมื่อเราน้ำหนักขึ้น ไขมันจะไปสะสมใต้คางได้ง่าย
  2. อายุที่มากขึ้น – ผิวสูญเสียคอลลาเจน ทำให้คางหย่อนคล้อย
  3. พฤติกรรมการใช้ชีวิต – การนั่งทำงานก้มหน้า เล่นมือถือมากๆ ทำให้กล้ามเนื้อใต้คางอ่อนแรง
  4. อาหารและโภชนาการ – กินอาหารที่มีน้ำตาล ไขมันสูง หรือโซเดียมมากเกินไป อาจทำให้ใบหน้าบวมและเกิดเหนียงได้

 

วิธีลดเหนียงแบบได้ผล

ไม่ว่าจะเกิดจากกรรมพันธุ์หรือไลฟ์สไตล์ เหนียงสามารถลดได้! ลองทำตามวิธีเหล่านี้

 

  1. ออกกำลังกายเพื่อลดเหนียง
  • ท่า “เงยหน้าแล้วจุ๊บอากาศ” – ช่วยบริหารกล้ามเนื้อคอและใต้คาง
  • ท่า “กดลิ้นกับเพดานปาก” – กระชับกล้ามเนื้อใต้คาง
  • ท่า “ยิ้มแล้วแตะคาง” – ฝึกให้กรามและลำคอกระชับขึ้น
  1. ควบคุมอาหาร ลดไขมันสะสม
  • กินโปรตีนและไฟเบอร์สูง เช่น อกไก่ ผัก ผลไม้
  • ลดน้ำตาล ของทอด และอาหารแปรรูป
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ ช่วยลดอาการบวมน้ำ
  1. นวดหน้าลดเหนียง
  • ใช้นิ้วมือกดนวดจากคางขึ้นไปด้านบน ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต
  • ใช้ เซรั่มน้ำมันมะพร้าว นวดใต้คาง ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและยกกระชับ
  1. ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต
  • นั่งตัวตรง อย่าก้มหน้ามากเกินไป
  • พักผ่อนให้เพียงพอ ช่วยให้ผิวฟื้นฟูตัวเอง

 

ศัลยกรรมลดเหนียง ตัวเลือกสำหรับคนอยากเห็นผลไว!

ถ้าอยากลดเหนียงแบบเห็นผลเร็วและชัดเจนขึ้น ศัลยกรรมหรือหัตถการทางการแพทย์ก็เป็นอีกทางเลือก

  1. ดูดไขมันเหนียง – วิธีนี้ช่วยกำจัดไขมันใต้คางโดยตรง ทำให้คางดูชัดขึ้น
  2. HIFU หรือ Ultherapy – ใช้คลื่นเสียงความถี่สูงช่วยกระชับผิว ลดความหย่อนคล้อย
  3. ฉีดเมโสแฟตลดเหนียง – ฉีดสลายไขมันใต้คาง เหมาะกับคนที่มีเหนียงไม่เยอะ
  4. ร้อยไหมยกกระชับคาง – วิธีนี้ช่วยยกผิวให้เต่งตึงขึ้น เหมาะกับคนที่มีเหนียงเพราะผิวหย่อน

ซึ่งวิธีลดเหนียงเหล่านี้ต้องทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ และต้องศึกษาข้อมูลให้ดี

 

สรุป เหนียงเกิดจากกรรมพันธุ์หรือเปล่า?

กรรมพันธุ์มีผลต่อการเกิดเหนียงจริง แต่ไม่ใช่ทั้งหมด! พฤติกรรมการกิน การใช้ชีวิต และอายุ ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อเหนียงได้เหมือนกัน

ถ้าอยาก ลดเหนียง และทำให้คางกระชับขึ้น ไม่ต้องกังวลไปค่ะ! ลองปรับไลฟ์สไตล์และใช้เทคนิคต่างๆ ข้างต้น รวมถึงหมั่นดูแลผิว เช่น ใช้น้ำมันมะพร้าวช่วยนวดกระชับใต้คาง เท่านี้ก็ช่วยให้ใบหน้าดูเรียวขึ้นได้แล้ว